ในสภาพแวดล้อมต่างๆ โดยทั่วไปแล้วเค้าสามารถระบุการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบเสียงซึ่งอาจสื่อถึงเหตุการณ์หรือเงื่อนไขที่ต้องการเฝ้าระวังอย่างตรงไปตรงมา
Acoustic detectors ทำงานโดยการรับรู้การสั่นสะเทือนหรือคลื่นเสียงในอากาศหรือสื่อต่างๆ แล้วนำข้อมูลเหล่านี้มาประมวลผลเพื่อระบุแหล่งกำเนิดของเสียงนั้น อุปกรณ์เหล่านี้มีการใช้งานหลากหลายในสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงการใช้งานทางทหาร เช่น การตรวจจับเรือดำน้ำ หรือในอุตสาหกรรม และแม้แต่ในบ้านเราก็พบการใช้งาน acoustic detectors ในระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้
ขั้นตอนการทำงานของ acoustic detectors ประกอบด้วย
- การจับเสียง : Acoustic detectors เริ่มต้นทำงานด้วยการจับเสียงผ่านไมค์โฟนหรือเซ็นเซอร์ piezoelectric โดยเซนเซอร์เหล่านี้จะแปลงการสั่นสะเทือนเป็นสัญญาณไฟฟ้า
- การประมวลผลสัญญาณ : หลังจากที่บันทึกเสียงแล้ว สัญญาณไฟฟ้าจะถูกส่งไปยังโปรเซสเซอร์ และข้อมูลเสียงดิบจะถูกขยายและกรองเพื่อระบุรูปแบบหรือความถี่เสียงที่เป็นเอกลักษณ์
- การวิเคราะห์เสียง : หลังจากการประมวลผล ข้อมูลเสียงจะถูกวิเคราะห์โดยใช้อัลกอริธึมพิเศษที่สามารถระบุรูปแบบ ความเข้ม และความถี่ของเสียงได้อย่างแม่นยำ ซึ่งจะช่วยในการตรวจสอบว่าเสียงที่ตรวจพบเป็นเสียงที่มีความสำคัญหรือเป็นเสียงรบกวน
- การสร้างการแจ้งเตือน : หากเสียงที่ประมวลผลตรงกับรูปแบบหรือระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้า อุปกรณ์ตรวจจับสามารถกระตุ้นการแจ้งเตือนหรือการดำเนินการต่างๆ ได้ เช่น การส่งเสียงเตือน การส่งข้อความแจ้งเตือน หรือการเรียกใช้ระบบอื่นๆ ที่ได้รับการกำหนดไว้ล่วงหน้า
ส่วนประกอบหลักของ acoustic detectors ประกอบด้วย
1. เซนเซอร์/ไมค์โฟน
เป็นองค์ประกอบหลักที่ใช้ในการจับเสียง คุณภาพและความไวของเซนเซอร์มีบทบาทสำคัญในประสิทธิภาพของเครื่องตรวจจับ เรามีไมค์โฟนหรือเซนเซอร์หลายประเภทให้เลือกใช้ แต่ละประเภทมีการออกแบบมาเพื่อการใช้งานเฉพาะ
2. ตัวประมวลผล
ส่วนประกอบนี้จะประมวลผลข้อมูลเสียงดิบ กรองสัญญาณรบกวน และขยายความถี่เฉพาะตามความจำเป็น acoustic detectors สมัยใหม่ใช้ตัวประมวลผลสัญญาณดิจิทัล (DSP) ซึ่งสามารถจัดการข้อมูลเสียงที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. หน่วยความจำ
สำหรับการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวนพื้นหลังมาก acoustic detectors ต้องใช้หน่วยความจำเพื่อจัดเก็บข้อมูลเสียงชั่วคราว
4. เครื่องวิเคราะห์
ส่วนประกอบนี้ใช้อัลกอริธึมในการวิเคราะห์ข้อมูลเสียงที่ประมวลผล โดยมองหารูปแบบหรือเกณฑ์เฉพาะที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ความซับซ้อนของส่วนประกอบนี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการใช้งาน
5. เอาต์พุต/อินเทอร์เฟซ
เมื่อวิเคราะห์เสียงและถือว่ามีความสำคัญแล้ว อุปกรณ์ตรวจจับจะต้องมีวิธีในการสื่อสาร อาจเป็นผ่านไฟ LED ธรรมดา สัญญาณเตือน ระบบแจ้งเตือน หรือแม้แต่การเชื่อมต่อกับระบบที่ใหญ่กว่า เช่น เครือข่ายความปลอดภัย
6. แหล่งพลังงาน
acoustic detectors ต้องใช้แหล่งพลังงาน อาจมาจากการเชื่อมต่อไฟฟ้าโดยตรง แบตเตอรี่ หรือแม้แต่เทคโนโลยีการเก็บเกี่ยวพลังงาน เช่น พลังงานแสดงอาทิตย์ ในรุ่นขั้นสูงบางรุ่น
Acoustic detectors ในระบบสัญญาณเตือนไฟไหม้มีบทบาทสำคัญในการตรวจจับเสียงที่เกิดจากไฟ ซึ่งมักเป็นเสียงไม้แตก เสียงฟู่ของวัสดุที่กำลังละลาย หรือเสียงไฟที่เกิดขึ้น เราสามารถฝึกให้ acoustic detectors รู้จักเสียงเหล่านี้และแจ้งเตือนผู้อยู่อาศัยหรือกระตุ้นระบบดับเพลิงได้เร็วกว่าเครื่องตรวจจับแบบดั้งเดิม อีกทั้ง acoustic detectors ยังสามารถทำงานร่วมกับเซนเซอร์อื่นๆ เช่น เครื่องตรวจจับควันหรือความร้อน เพื่อตรวจสอบสัญญาณเตือน และลดโอกาสที่เกิดสัญญาณเตือนที่ผิดพลาดได้